ตามล่าหาขนมอร่อย
ร้านขนมในโตเกียวที่น่ารักน่านั่งมีมากมาย และร้านอร่อยกว่าครึ่งจะอยู่บนชั้นสองหรือชั้นสามของอาคารต่าง ๆ เมื่อคนโตเกียวเขาจะหาขนมอร่อย ๆกิน จะใช้วิธีเสิร์ชหาจากอินเตอร์เน็ต หรือไม่ก็ดูตามหนังสือประเภทสวีทไกด์กันค่ะ หนังสือจำพวกนี้จะมีขายตามร้านหนังสือทั่วไป เป็นเล่มเล็ก ๆ มีชื่อ/ที่อยู่/ของร้าน พร้อมภาพประกอบสวยงามชวนกินเป็นอย่างยิ่ง ฉันเปิดดูหนังสือเหล่านี้แล้วแทบจะแจ้นไปกินเสียทุกที่
ถ้าไม่อยากซื้อ จะเอาแบบที่แจกฟรีก็มี หยิบได้ตามสถานีรถไฟเขาจะทำช่องเสียบไว้ตามเสาอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ในเล่มจะมีคูปองแลกเครื่องดื่มหรือลดเปอร์เซ็นต์ให้ด้วย
หนังสือแจกฟรีที่ว่านี้ มีหลากหลายประเภท ที่เห็นเยอะ ๆ ก็จะเป็นหนังสือโฆษณาร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านเสริมสวย ทำผม ลดความอ้วน ขายของต่าง ๆ นานา ที่รับสมัครงานก็มี แต่ละเล่มล้วนแล้วแต่หนา ๆทั้งนั้น เย็บลวดตรงกลางเข้าเล่มอย่างดี คนใกล้ตัวที่ฉันหนีบไปด้วยเขาบอกว่าถ้าเป็นเมืองไทยละก้อ มีหวังโดนหยิบไปชั่งกิโลขายเกลี้ยงไม่เหลือหลอ ฮิ..ฮิ..
มาหาขนมอร่อยกินที่โตเกียว ก็ต้องทำอย่างคนโตเกียวนั่นละค่ะ คือเข้าร้านหนังสือหาหนังสือที่เหมาะใจมาก่อน วางแผนคร่าว ๆ ว่าจะไปที่ไหนบ้าง แต่ถ้ามีเวลาเยอะ เดินไปเรื่อย ๆ เดี๋ยวก็เจอร้านที่น่าสนใจเองละ ร้านอร่อยน่ะสังเกตได้ไม่ยาก มักจะเป็นร้านที่เห็นคนต่อคิวกันยาวเฟื้อย คนที่นี่เขาเข้าคิวกันเป็นเรื่องปกติ หากเป็นร้านอร่อย เขายอมที่จะต่อคิวรอกันเป็นชั่วโมง
ทุกร้านที่ฉันต่อคิวเข้าไป ไม่เคยผิดหวังเลย อร่อยจริง ๆ แต่จะว่าไปแล้วร้านไม่มีคิวก็อร่อยเหมือนกันแต่ถ้าที่ไหนคิวยาวนั่นน่ะแปลว่าอร่อยสุดยอด
ขนมอร่อยมาแล้วค่ะ
อ้อมไปเสียไกล เข้าเรื่องขนมกันเสียที.. ขนมหวานแบบญี่ปุ่นจะมีทั้งแบบดั้งเดิมและขนมหวานแบบฝรั่ง ขนมหวานแบบดั้งเดิมนั้นคนญี่ปุ่นจะเรียกว่า “วาคาชิ” (Wagashi) ขนมชนิดนี้ เป็นขนมที่อยู่ในพิธีชงน้ำชา และมักจะมีไส้ทำจากถั่วแดงบด หรือเกาลัดบด และยังมีไส้ประเภทบดอีกหลากหลาย ทั้งอย่างหวานและอย่างเค็ม ขนมหวานแบบนี้ รสชาติจะออกไปทางหวานจัดสักหน่อย แต่ลงตัวมากเมื่อกินพร้อมกับชาเขียว ไอเดียที่น่ารักมากคือขนมตามฤดูกาล โดยจะนำผลไม้หรือวัตถุดิบที่ออกมาในช่วงฤดูนั้นมาเป็นส่วนผสมหลัก เช่น ซากุระโมจิ จะเป็นโมจิสีชมพู ห่อด้วยใบซากุระ เป็นขนมพิเศษ สำหรับช่วงฤดูใบไม้ผลิ
ขนมที่เราคุ้นเคยมากกว่าอย่างอื่นคือ “ไดฟูกุ” หลายคนคงเคยเห็นที่ร้านยามาซากิ ทำจากแป้งที่นวดจนเหนียว สอดไส้ จำพวกถั่วแดงบดหวาน ๆ ไส้ถั่วแดงผสมชาเขียว ไส้ ผสมงาดำ ก็มี หรือบางทีก็เอาถั่วดำเม็ด ๆ นวดเข้าไปกับแป้งก็อร่อยดี
อีกแบบหนึ่งที่ฉันชอบมาก เรียกว่า “โยกัง” คล้าย ๆ เจลลี่ใส่พิมพ์ เคาะออกมาเป็นก้อน ทำจากสาหร่ายคันเตน มีอย่างใส ใส่ไส้แบบต่าง ๆ และอย่างขุ่นเพราะเอาคันเตนไปผสมกับถั่วบด หรือเกาลัด ขนมนี้ฉันได้ซื้อกินครั้งแรกจากชั้นใต้ดิน ห้าง “โทบุ” ที่อิเคบุกุโระ มันอร่อยมาก ๆ ๆ ๆ แต่ด้วยความไม่รู้ว่าขนมแบบนี้น่ะ แต่ละยี่ห้อ มันอร่อยไม่เหมือนกัน ก็เลยไม่จำว่าซื้อจากร้านอะไร...
ที่ไหนได้ คราวหลังไปซื้อเจ้าอื่น ไม่อร่อยเหมือนที่เคยกินสักนิด จนทุกวันนี้ยังหาไม่เจอเลย ฮือ...ฮือ...
ขนมหวานแบบดั้งเดิม เดี๋ยวนี้ มีเสิร์ฟในร้านกาแฟสมัยใหม่บางร้านเหมือนกัน รสชาติของขนมก็ปรับให้มีความหวานน้อยลงกว่าเดิม แต่ยังไงฉันก็ว่า กินพร้อมกับชาเขียวเข้าท่ากว่าแฮะ
วาคาชิ มีขายที่ชั้นใต้ดินตามห้างสรรพสินค้าชื่อดังทั่วไป ตู้โชว์ขนมประเภทนี้ น่าเดินดูเป็นอย่างยิ่ง เพราะขนมทำออกมาสวยตระการตา เหมือนงานศิลปะชั้นดี หีบห่อหรูหราอลังการ สำหรับราคานั้นก็แพงเอาเรื่องเลยละ
ส่วนขนมแบบฝรั่งจำพวกปาติสเซอรีและเบเกอรีในญี่ปุ่นนั้น ส่วนใหญ่เอาแบบอย่างมาจากขนมของฝรั่งเศส คือทำเป็นชิ้นเล็ก ๆ ดีไซน์จุ๋มจิ๋ม แต่นำมาดัดแปลง พัฒนา ปรับปรุงรสชาติไม่ให้หวานจัด เพิ่มโน่นนิดนี่หน่อย จนเป็นรสชาติสไตล์ญี่ปุ่น อร่อยแซงหน้าฝรั่งเลยละค่ะ ขนมเกือบทุกอย่างของเค้า จะเนื้อเนียน ๆ กรุ่นกลิ่นนมเนย แบบไม่เลี่ยน บ้านเขานิยมตกแต่งหน้าด้วยผลไม้สดทาเจลลี่ เงาวับ และวางผักชีใบแบนลงไปประดับให้สีตัดกันฉึบฉับ แปลกดีไหมคะ.... ตอนนี้การวางผักชีประดับบนหน้าขนมเนี่ยกำลังอินเทรนด์เลย ร้านเก๋ ๆ เขาใช้แบบนี้กันทั้งนั้น ไม่รู้ใครเป็นต้นคิด น่ารักดีจัง
นอกจากนี้ ขนมของเขายังมีเสน่ห์ตรงที่ เอาวัตถุดิบตามฤดูกาลมาใช้เพื่อให้เมนูขนมหมุนเวียนไปเรื่อย ไม่ซ้ำ และสร้างความรู้สึก “สดใหม่” ให้กับผู้บริโภค เช่น ฤดูร้อน มีเชอรีพันธุ์พื้นเมืองของญี่ปุ่นออกมา ก็จะมีขนมที่ทำจากเชอรีออกมาขาย เป็นขนมที่มีขายเฉพาะช่วงเวลานั้น ในตู้โชว์ขนมก็จะติดป้ายให้สะดุดตา ประมาณว่า “ เฉพาะเดือนนี้ (หรืออาทิตย์นี้) มีจำกัดวันละ ........ชิ้น เท่านั้น”
ไอเดียเด็ด ๆ แบบนี้ละค่ะ ทำให้ รู้สึกตื่นเต้น รอคอยเวลาเพื่อจะได้กินของอร่อย ลูกค้าจึงต้องคอยแวะเวียนมาดูว่ามีขนมอะไรมาใหม่บ้าง บางทีผ่านไปเมื่อวาน มาวันนี้ อ้าว...มีแบบใหม่มาอีกแล้ว อย่างเก่ายังไม่ทันได้ชิมเลย เท่าที่สังเกตดู จะมีเมนูมาใหม่ ทุกสองสัปดาห์
ช่วงเวลาที่ฉันไป เป็นหน้ามะม่วง ก็จะมีขนมที่เอามะม่วงมาใช้ในรูปแบบต่าง ๆ มองไปทางไหนก็มีแต่มะม่วงและมะม่วง... มะม่วงที่ญี่ปุ่น เนื้อจะคล้ายกับน้ำดอกไม้ แต่จืดกว่า รองจากมะม่วงก็เป็นเมลอน กับแตงโม เพราะซัมเมอร์พอดี เชื่อไหมว่า แตงโมน่ะ นำมาทำมูสได้สีสวยและอร่อยมาก ทาร์ตที่ฝานกล้วยหอมโปะลงไปตกแต่งหน้าก็อร่อย แต่กล้วยของเขาจืด ๆ ไม่ค่อยอร่อย กล้วยหอมไทยของเรากลิ่นและรสจัดกว่า อร่อยกว่าเยอะเลย
คนญี่ปุ่นชอบกินอะไรที่ “นุ่ม ๆ นิ่ม ๆ” เค้กของเขาจะสอดไส้ด้วยมูสนุ่ม แต่งเป็นรสต่าง ๆ สลับกับเนื้อเค้กนิ่ม ๆ แต่งหน้าด้วยผลไม้สด สีสวยน่ากิน รสชาติก็ไม่หวานจัด มันจัด แต่ถ้าเป็นเค้กชอกโกแลต
ละก้อ.... จะฉ่ำชอกโกแลตแบบเข้มข้นถึงใจอย่างสุดซึ้ง ได้ใจคนรักชอกโกแลตไปเต็ม ๆ
ขนาดของเค้กก็จะทำสไตล์ฝรั่งเศส คือทำชิ้นเล็ก ดีไซน์เป็นรูปทรงต่าง ๆ สาม-สี่-ห้า-หกเหลี่ยม ทรงเว้าหน้าเว้าหลัง ก็มี ตกแต่งอย่างสวยงามด้วยชอกโกแลต หรือผลไม้หลากสีสัน หากเป็นเค้กหรือมูสขนาดใหญ่ มาตรฐานคือ 6 นิ้ว (ยกเว้นสั่งพิเศษเช่นเค้กวันเกิด)
เค้กเหล่านี้ ถ้าซื้อกลับบ้าน และใช้เวลาเดินทางเกินกว่าครึ่งชั่วโมง คนขายจะแนบซองเจลแช่แข็งเย็นเจี๊ยบ ใส่ลงกล่องไปด้วย รับรองว่า ไม่เละเทะก่อนถึงบ้านเป็นแน่ ดูแลกันถึงขนาดนี้น่ารักไหมล่ะ
เล่าให้ฟังพอให้เห็นภาพ ตอนหน้าจะพาไปชมร้านขนมอร่อย น่ารับประทานพร้อมตำราให้คุณลงมือทำเอง จะได้ชิมขนมอร่อยๆด้วยกันค่ะ